FVG Forex คืออะไร กลยุทธ์การเทรด Fair Value Gap อย่างละเอียด

Fair Value Gap (FVG) เป็นแนวคิดสำคัญในการวิเคราะห์ตลาด Forex และตลาดการเงินอื่นๆ ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่เทรดเดอร์ที่ใช้กลยุทธ์ Price Action และ Smart Money Concept (SMC) ในบทความนี้ เราจะอธิบายความหมายของ FVG วิธีการระบุ FVG บนแผนภูมิ และกลยุทธ์การเทรดโดยใช้ FVG อย่างละเอียด

Fair Value Gap (FVG) คืออะไร

Fair Value Gap หรือ FVG เป็นปรากฏการณ์ในตลาดที่เกิดขึ้นเมื่อมีความไม่สมดุลอย่างมีนัยสำคัญระหว่างแรงซื้อและแรงขายของสินทรัพย์ใดสินทรัพย์หนึ่ง ซึ่งส่งผลให้เกิดการเคลื่อนไหวของราคาอย่างรวดเร็วและทิ้งช่องว่างระหว่างแท่งเทียน (candlesticks) บนแผนภูมิ

FVG สะท้อนให้เห็นถึงช่วงเวลาที่ความเห็นของตลาดเอนเอียงไปทางการซื้อหรือการขายอย่างรุนแรง แต่ไม่มีคำสั่งตรงข้ามที่เพียงพอที่จะรองรับความต้องการนี้ ในแง่ของการวิเคราะห์ทางเทคนิค FVG มักถูกมองว่าเป็นความไม่สมดุลหรือความไม่มีประสิทธิภาพในตลาดที่มีแนวโน้มจะถูก “เติมเต็ม” หรือ “ปิด” ในอนาคต

Fair Value Gap คืออะไร
Fair Value Gap คืออะไร

ลักษณะของ Fair Value Gap

FVG มีลักษณะเฉพาะที่สามารถระบุได้บนแผนภูมิราคา โดยทั่วไปจะประกอบด้วยรูปแบบแท่งเทียน 3 แท่ง ดังนี้:

  1. แท่งเทียนแรก: เป็นแท่งเทียนปกติที่แสดงการเคลื่อนไหวของราคาในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง
  2. แท่งเทียนที่สอง: เป็นแท่งเทียนที่มีขนาดใหญ่กว่าปกติ แสดงการเคลื่อนไหวของราคาอย่างรวดเร็วในทิศทางเดียวกับแท่งแรก
  3. แท่งเทียนที่สาม: เป็นแท่งเทียนที่เคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับแท่งที่สอง แต่ไม่ครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดของแท่งที่สอง

ช่องว่างระหว่างจุดสูงสุดของแท่งแรกและจุดต่ำสุดของแท่งที่สาม (สำหรับ Bullish FVG) หรือระหว่างจุดต่ำสุดของแท่งแรกและจุดสูงสุดของแท่งที่สาม (สำหรับ Bearish FVG) คือ Fair Value Gap

ประเภทของ Fair Value Gap

Bullish กับ Bearish Fair Value Gap
Bullish กับ Bearish Fair Value Gap

FVG สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก:

  1. Bullish FVG: เกิดขึ้นเมื่อราคาเคลื่อนที่ขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยมีช่องว่างระหว่างจุดสูงสุดของแท่งแรกและจุดต่ำสุดของแท่งที่สาม
  2. Bearish FVG: เกิดขึ้นเมื่อราคาเคลื่อนที่ลงอย่างรวดเร็ว โดยมีช่องว่างระหว่างจุดต่ำสุดของแท่งแรกและจุดสูงสุดของแท่งที่สาม

สาเหตุการเกิด Fair Value Gap

FVG มักเกิดขึ้นในสถานการณ์ต่อไปนี้:

  1. การประกาศข่าวสำคัญ: เช่น การเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ย การประกาศตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ หรือเหตุการณ์ทางการเมืองที่ไม่คาดคิด
  2. การเปิดเผยผลประกอบการของบริษัท: โดยเฉพาะเมื่อผลประกอบการแตกต่างจากที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้อย่างมาก
  3. การซื้อขายของสถาบันขนาดใหญ่: เมื่อกองทุนหรือสถาบันการเงินขนาดใหญ่เข้าซื้อหรือขายในปริมาณมาก
  4. การแทรกแซงของธนาคารกลาง: เช่น การเข้าซื้อหรือขายเงินสกุลท้องถิ่นเพื่อควบคุมค่าเงิน

วิธีการระบุ Fair Value Gap บนแผนภูมิ

การระบุ FVG บนแผนภูมิสามารถทำได้ด้วยตาเปล่าหรือใช้เครื่องมือช่วยวิเคราะห์ ดังนี้:

  1. การระบุด้วยตาเปล่า:
    • มองหารูปแบบแท่งเทียน 3 แท่งที่มีลักษณะตามที่อธิบายไว้ข้างต้น
    • ตรวจสอบว่ามีช่องว่างระหว่างแท่งแรกและแท่งที่สามหรือไม่
    • วัดขนาดของช่องว่างเพื่อประเมินความสำคัญของ FVG
  2. การใช้เครื่องมือช่วยวิเคราะห์:
    • หลายแพลตฟอร์มการเทรดมีตัวบ่งชี้ FVG ที่สามารถระบุ FVG โดยอัตโนมัติ
    • ตัวบ่งชี้เหล่านี้มักจะไฮไลท์ FVG บนแผนภูมิและให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับขนาดและทิศทางของ FVG

กลยุทธ์การเทรดโดยใช้ Fair Value Gap

การเทรดโดยใช้ FVG เป็นที่นิยมในหมู่เทรดเดอร์ที่ใช้กลยุทธ์ Price Action และ Smart Money Concept เนื่องจาก FVG มักจะเป็นจุดที่ราคามีแนวโน้มจะกลับมาเติมเต็มในอนาคต ต่อไปนี้คือกลยุทธ์การเทรดโดยใช้ FVG:

  1. การเทรดการเติมเต็ม FVG:
    • ระบุ FVG บนแผนภูมิ
    • รอให้ราคากลับมาที่ระดับของ FVG
    • เข้าสู่ตลาดเมื่อราคาเริ่มเคลื่อนที่ออกจาก FVG ในทิศทางเดิม
    • ตั้ง Stop Loss ใต้/เหนือระดับ FVG
    • ตั้ง Take Profit ที่ระดับแนวต้านหรือแนวรับถัดไป
  2. การเทรด FVG ร่วมกับการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างตลาด:
    • ระบุทิศทางแนวโน้มหลักบน timeframe ที่สูงกว่า
    • มองหา FVG ที่เกิดขึ้นพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างตลาด (Break of Structure – BOS)
    • รอให้ราคากลับมาทดสอบระดับ FVG
    • เข้าสู่ตลาดเมื่อราคาเริ่มเคลื่อนที่ในทิศทางของแนวโน้มหลัก
    • ตั้ง Stop Loss ใต้/เหนือระดับ FVG
    • ตั้ง Take Profit ที่ระดับเป้าหมายถัดไปตามแนวโน้มหลัก
  3. การใช้ FVG เป็นแนวรับ/แนวต้าน:
    • ระบุ FVG ขนาดใหญ่บน timeframe ที่สูงกว่า
    • ใช้ระดับของ FVG เป็นแนวรับหรือแนวต้านในการวางแผนการเทรด
    • เข้าสู่ตลาดเมื่อราคาเข้าใกล้ระดับ FVG และแสดงสัญญาณการกลับตัว
    • ตั้ง Stop Loss ใต้/เหนือระดับ FVG
    • ตั้ง Take Profit ที่ระดับ FVG ถัดไปหรือระดับสำคัญอื่นๆ
  4. การใช้ FVG ในการยืนยันแนวโน้ม:
    • ระบุทิศทางแนวโน้มหลัก
    • มองหา FVG ที่เกิดขึ้นในทิศทางเดียวกับแนวโน้มหลัก
    • ใช้ FVG เป็นจุดยืนยันความแข็งแกร่งของแนวโน้ม
    • เข้าสู่ตลาดเมื่อราคากลับมาทดสอบระดับ FVG และแสดงสัญญาณการกลับตัว
    • ตั้ง Stop Loss ใต้/เหนือระดับ FVG
    • ตั้ง Take Profit ตามเป้าหมายของแนวโน้มหลัก

ข้อควรระวังในการเทรดโดยใช้ Fair Value Gap

แม้ว่า FVG จะเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ในการวิเคราะห์ตลาด แต่เทรดเดอร์ควรคำนึงถึงข้อจำกัดและความเสี่ยงต่อไปนี้:

  1. ไม่ใช่ทุก FVG จะถูกเติมเต็ม: บางครั้ง ราคาอาจไม่กลับมาที่ระดับของ FVG หรืออาจใช้เวลานานกว่าที่คาดไว้
  2. ขนาดของ FVG มีความสำคัญ: FVG ขนาดใหญ่มักมีความสำคัญมากกว่าและมีโอกาสถูกเติมเต็มสูงกว่า
  1. ควรใช้ร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์อื่นๆ: FVG ไม่ควรใช้เป็นสัญญาณเทรดเพียงอย่างเดียว ควรใช้ร่วมกับการวิเคราะห์แนวโน้ม การวิเคราะห์โครงสร้างตลาด และตัวบ่งชี้ทางเทคนิคอื่นๆ
  2. ระวังการเทรดในช่วงข่าวสำคัญ: FVG ที่เกิดขึ้นในช่วงประกาศข่าวสำคัญอาจมีความผันผวนสูงและยากต่อการคาดการณ์
  3. ความแตกต่างระหว่าง timeframe: FVG บน timeframe ที่สูงกว่ามักจะมีความสำคัญมากกว่า FVG บน timeframe ที่ต่ำกว่า
  4. การจัดการความเสี่ยง: เช่นเดียวกับกลยุทธ์การเทรดอื่นๆ การใช้ Stop Loss และการจัดการขนาดการเทรดที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญในการจำกัดความเสี่ยง

การใช้ Fair Value Gap ร่วมกับ Liquidity Voids

FVG กับ Liquidity Void
FVG กับ Liquidity Void

Liquidity Voids เป็นแนวคิดที่คล้ายคลึงกับ Fair Value Gap แต่มีขนาดใหญ่กว่าและครอบคลุมช่วงราคาที่กว้างกว่า Liquidity Voids สะท้อนถึงช่วงราคาที่มีการซื้อขายน้อยมากหรือไม่มีเลย ซึ่งมักเกิดขึ้นในช่วงที่ตลาดมีการเคลื่อนไหวอย่างรุนแรง

การใช้ FVG ร่วมกับ Liquidity Voids สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการวิเคราะห์และการเทรดได้ดังนี้:

  1. การยืนยันความสำคัญของระดับราคา: หาก FVG เกิดขึ้นภายใน Liquidity Void ขนาดใหญ่ อาจบ่งชี้ถึงความสำคัญของระดับราคานั้นๆ
  2. การประเมินโอกาสในการเติมเต็ม: Liquidity Voids มีแนวโน้มที่จะถูกเติมเต็มในระยะยาว ดังนั้นการมี FVG ภายใน Liquidity Void อาจเพิ่มโอกาสที่ราคาจะกลับมาที่ระดับนั้น
  3. การวางแผนการเทรดระยะยาว: การใช้ Liquidity Voids ร่วมกับ FVG สามารถช่วยในการวางแผนการเทรดระยะยาวและการกำหนดเป้าหมายราคาที่สำคัญ

เทคนิคการใช้ Fair Value Gap ในการสแกนหาโอกาสการเทรด

การใช้ FVG ในการสแกนหาโอกาสการเทรดสามารถทำได้โดยใช้เครื่องมือสแกนตลาดที่มีฟังก์ชัน FVG หรือการสร้างสแกนเนอร์ของตัวเอง ต่อไปนี้คือตัวอย่างเงื่อนไขที่สามารถใช้ในการสแกนหา FVG:

  1. สแกนหา Bullish FVG:
    • ราคาปิดของแท่งเทียนปัจจุบันสูงกว่าราคาปิดของแท่งเทียนก่อนหน้า
    • ราคาต่ำสุดของแท่งเทียนปัจจุบันสูงกว่าราคาสูงสุดของแท่งเทียนก่อนหน้า
    • ขนาดของ FVG มากกว่าค่าที่กำหนด (เช่น X pips หรือ X%)
  2. สแกนหา Bearish FVG:
    • ราคาปิดของแท่งเทียนปัจจุบันต่ำกว่าราคาปิดของแท่งเทียนก่อนหน้า
    • ราคาสูงสุดของแท่งเทียนปัจจุบันต่ำกว่าราคาต่ำสุดของแท่งเทียนก่อนหน้า
    • ขนาดของ FVG มากกว่าค่าที่กำหนด (เช่น X pips หรือ X%)
  3. เงื่อนไขเพิ่มเติมเพื่อกรองผลลัพธ์:
    • FVG เกิดขึ้นในทิศทางเดียวกับแนวโน้มหลัก
    • FVG เกิดขึ้นใกล้กับระดับแนวรับ/แนวต้านสำคัญ
    • ปริมาณการซื้อขายในช่วงที่เกิด FVG สูงกว่าค่าเฉลี่ย

การพัฒนากลยุทธ์การเทรด Fair Value Gap

การพัฒนากลยุทธ์การเทรด FVG ที่มีประสิทธิภาพควรคำนึงถึงปัจจัยต่อไปนี้:

  1. การทดสอบย้อนหลัง (Backtesting):
    • ทดสอบกลยุทธ์ FVG บนข้อมูลราคาในอดีต
    • วิเคราะห์อัตราความสำเร็จของการเติมเต็ม FVG ในสถานการณ์ต่างๆ
    • ปรับแต่งพารามิเตอร์เพื่อหาการตั้งค่าที่เหมาะสมที่สุด
  2. การจัดการความเสี่ยง:
    • กำหนดขนาดการเทรดที่เหมาะสมสำหรับแต่ละสัญญาณ FVG
    • ใช้ Stop Loss ที่สอดคล้องกับขนาดและความสำคัญของ FVG
    • พิจารณาการใช้ Trailing Stop เพื่อปกป้องกำไรในกรณีที่ราคาเคลื่อนที่ไปในทิศทางที่ต้องการ
  3. การใช้ร่วมกับเครื่องมืออื่น:
    • ผสมผสาน FVG กับการวิเคราะห์แนวโน้มและโครงสร้างตลาด
    • ใช้ตัวบ่งชี้ทางเทคนิคอื่นๆ เพื่อยืนยันสัญญาณ FVG
    • พิจารณาปัจจัยพื้นฐานที่อาจส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของราคา
  4. การปรับใช้กับ Timeframe ต่างๆ:
    • ทดสอบกลยุทธ์ FVG บน Timeframe ที่หลากหลาย
    • พิจารณาการใช้ Multiple Timeframe Analysis เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการเทรด
  5. การติดตามและปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง:
    • บันทึกผลการเทรดและวิเคราะห์ประสิทธิภาพของกลยุทธ์อย่างสม่ำเสมอ
    • ปรับปรุงกลยุทธ์ตามสภาพตลาดที่เปลี่ยนแปลง
    • เรียนรู้จากข้อผิดพลาดและความสำเร็จในการเทรด FVG

บทสรุป

Fair Value Gap (FVG) เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์สำหรับเทรดเดอร์ในการวิเคราะห์ตลาดและหาโอกาสในการเทรด โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ใช้กลยุทธ์ Price Action และ Smart Money Concept การเข้าใจวิธีการระบุ FVG การวิเคราะห์ความสำคัญของ FVG และการใช้ FVG ร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์อื่นๆ สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการตัดสินใจเทรดได้

อย่างไรก็ตาม เช่นเดียวกับเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคอื่นๆ FVG ไม่ควรใช้เป็นสัญญาณเทรดเพียงอย่างเดียว แต่ควรใช้เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การเทรดที่ครอบคลุม ซึ่งรวมถึงการวิเคราะห์แนวโน้ม การจัดการความเสี่ยง และการพิจารณาปัจจัยพื้นฐานที่อาจส่งผลต่อตลาด

การพัฒนาทักษะในการระบุและเทรด FVG ต้องอาศัยการฝึกฝนและประสบการณ์ เทรดเดอร์ควรทดสอบกลยุทธ์ FVG บนบัญชีทดลองก่อนนำไปใช้กับบัญชีจริง และควรติดตามผลการเทรดอย่างสม่ำเสมอเพื่อปรับปรุงกลยุทธ์ให้เหมาะสมกับสภาพตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป

ด้วยความเข้าใจที่ถูกต้องและการใช้งานอย่างเหมาะสม Fair Value Gap สามารถเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการเพิ่มโอกาสความสำเร็จในการเทรด Forex และตลาดการเงินอื่นๆ

อ้างอิง

  1. FXOpen. (2024). Fair Value Gaps vs Liquidity Voids in Trading. Retrieved from https://fxopen.com/blog/en/fair-value-gaps-vs-liquidity-voids-in-trading/
  2. Purple Trading. (2024). What is Fair Value Gap and how to use it in trading? Retrieved from https://www.purple-trading.com/what-is-fair-value-gap-and-how-to-use-it-in-trading/
  3. TrendSpider. (2024). Fair Value Gap Trading Strategy. Retrieved from https://trendspider.com/learning-center/fair-value-gap-trading-strategy/